วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2557

โรคของฟันและเหงือก

โรคของฟันและเหงือก

โรคฟันผุ   เกิดขึ้นเนื่องจากเคลือบฟัน และเนื้อฟันถูกทำลายโดยกรด ซึ่งเป็นผลจากปฏิกิริยาระหว่างเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งมีอยู่ประจำในช่องปาก กับอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล การผุของฟันจะเริ่มที่เคลือบฟันก่อน แล้วค่อยๆ ลุกลามไปยังเนื้อฟัน และถึงโพรงประสาทฟัน เมื่อถึงระยะนี้แล้ว เนื้อเยื่อในโพรงประสาทฟันอาจติดเชื้อได้ อาการของโรคอาจลุกลามไปถึงปลายรากฟัน และทำให้เกิดฝี ที่ปลายรากฟัน ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวดและบวมได้ บางรายฝีที่เกิดขึ้น จะทำให้กระดูกเบ้ารากฟันบริเวณนั้นละลายตัว เป็นทางผ่านของหนองฝี เกิดออกข้างกระดูกสันเหงือกด้านกระพุ้งแก้ม หรือหนองฝีอาจแตกผ่านทะลุออกทางกระพุ้งแก้ม มีอยู่จำนวนไม่น้อยเช่นกัน เมื่อเนื้อเยื่อโพรงประสาทฟันติดเชื้อแล้ว อาการไม่รุนแรง โดยเกิดเป็นถุงน้ำ (cyst) ที่บริเวณปลายรากฟันได้
                การตรวจพบฟันผุ ในระยะเริ่มแรก และขจัดเอาส่วนที่ผุออก แล้วบูรณะ หรืออุดด้วยวัสดุอุดฟันที่เหมาะสม ก็สามารถจะเก็บฟันซี่นั้นๆ ไว้ใช้งานต่อไปได้
            การป้องกันโรคฟันผุนั้นสามารถทำได้ โดยให้เด็กในระยะที่ฟันกำลังเจริญเติบโต ได้ดื่มน้ำที่ผสมสารฟลูออไรด์ ในอัตราส่วน สารฟลูออไรด์ ๑ ส่วนต่อน้ำดื่มล้านส่วน เป็นประจำ ร่วมกับการทำความสะอาดฟันที่ถูกต้อง ร่วมกับการทาน้ำยาฟลูออไรด์ลงบนตัวฟัน













การสึกกร่อนของฟัน   อาจเกิดขึ้นเนื่องจากใช้ฟันเคี้ยวอาหารประเภทกรอบแข็ง หรือนอนกัดฟัน ซึ่งมักจะเกิดทางด้านหน้าสบของฟัน หรืออาจเกิดตามแนวคอฟัน เนื่องมาจากการใช้แปรงที่ขนแปรงแข็งเกินควร ร่วมกับการแปรงฟันไม่ถูกวิธี ฟันสึก และกร่อนนั้น สามารถบูรณะให้ใช้งานได้ ด้วยการอุดหรือทำครอบฟันด้วยวัสดุที่เหมาะสม
การสบฟันที่ผิดปกติ หรือฟันขึ้นไม่เป็นระเบียบ             ในรายที่ฟันขึ้นไม่เป็นระเบียบ ซ้อนหรือเก จะทำให้ขากรรไกรล่างเคลื่อนตัวไม่เป็นอิสระขณะเคี้ยวอาหาร ในบางครั้งอาจมีเสียงดังบริเวณกกหู ขณะอ้าปาก หรือหุบปาก เนื่องมาจากข้อต่อขากรรไกรเคลื่อน ในรายที่อาการรุนแรงอาจมีอาการเจ็บปวดที่ข้อต่อขากรรไกรที่บริเวณกกหู อาจเป็นข้างเดียว หรือสองข้าง และอาจมีอาการปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อบริเวณแก้มร่วมด้วย นอกจากนี้ในรายที่มีการสบของฟันผิดปกติ ฟันซ้อนหรือเก จะทำให้ยากแก่การรักษาสุขภาพฟัน จึงเป็นเหตุอันหนึ่ง ที่ทำให้เกิดโรคฟันผุ และโรคปริทันต์อีกด้วย
การสบฟันที่ผิดปกติ โดยฟันหน้าในขากรรไกรล่าง ครอบฟันหน้าในขากรรไกรบน ถ้าปล่อยทิ้งไว้อาจมีปัญหา เกี่ยวกับข้อต่อขากรรไกรได้ ในภายหลัง
การสูญเสียฟันน้ำนมก่อนกำหนด หรือฟันน้ำนมหลุดช้ากว่ากำหนด เป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ทำให้ฟันแท้ขึ้นมา แล้วมีการสบของฟัน ที่ผิดปกติ











โรคปริทันต์    ปริทันต์ คือ อวัยวะรอบๆ ตัวฟัน ได้แก่ เหงือกเคลือบรากฟัน เยื่อปริทันต์ และกระดูกเบ้ารากฟัน โรคปริทันต์ที่พบมากที่สุดคือ โรคเหงือกอักเสบ (gingivits) สังเกตเห็นได้จากการที่ขอบเหงือกรอบๆ ตัวฟันจะเปลี่ยนสีจากสีชมพูไปเป็นสีแดง ขอบเหงือกจะแยกออกจากคอฟัน ทำให้เกิดช่องว่างลักษณะเป็นกระเป๋าระหว่างคอฟันกับเหงือก เหงือกที่มีการอักเสบนี้ จะเป็นแผล และมีเลือดออกได้ง่าย แม้ขณะรับประทานอาหาร หรือแปรงฟัน ถ้าปล่อยให้การอักเสบนี้ดำเนินต่อไป โรคจะลุกลามไปถึงเนื้อเยื่อปริทันต์ และกระดูกเบ้ารากฟัน ทำให้มีช่องว่างระหว่างฟันกับเบ้ารากฟัน ฟันจะโยกคลอนได้ เมื่อโรคดำเนินมาถึงระยะนี้แล้ว เรียกว่า โรคปริทันต์ (periodontitis) หรือระมะนาด
            สาเหตุของโรคปริทันต์ ได้แก่ การรักษาสุขภาพฟันไม่ดีพอ ทุพโภชนา การใส่ฟันปลอมบางส่วนที่ไม่ถูกต้อง ฟันสบกันผิดปกติ ฟันซ้อน หรือเก รวมถึงการถอนฟันบางซี่ไป แล้วปล่อยช่องว่างไว้ ทำให้ฟันข้างเคียงล้มหรือเอียง การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนบางชนิด เช่น ในวัยที่เริ่มเป็นหนุ่มสาว หรือหญิงมีครรภ์ นอกจากนั้นผู้ที่ได้รับสารพิษบางอย่าง เช่น สารตะกั่วหรือปรอท ก็ทำให้เกิดโรคเหงือกอักเสบได้



ที่มา  http://kanchanapisek.or.th/kp6/sub/book/book.php?book=9&chap=8&page=t9-8-infodetail05.html


โครงสร้างของฟัน

            ฟันมีความแข็งแรงกว่า กระดูกหรือพูดอีกอย่างว่า อวัยวะที่แข็งแรงที่สุด ในร่างกายของคนเรา คือ "ฟัน" แต่ฟันของเรา ไม่มีลักษณะเป็นแท่งตันๆ ฟันแต่ละซี่ที่มีชีวิต จะมีโพรงอยู่ตรงกลาง โดยโพรงนี้จะเป็น ที่อยู่ของเส้นประสาท หลอดเลือด หลอดน้ำเหลือง คอยหล่อเลี้ยง รับความรู้สึก เหมือนอวัยวะอื่นๆโดยมีเนื้อฟันอยู่รอบๆโพรงประสาทฟัน ตามลักษณะรูปร่างของฟัน และส่วนนอกเป็นชั้นเคลือบฟัน ซึ่งมีความแข็งแรงมาก ปกป้องเนื้อฟัน เนื่องจากจะต้องสัมผัสกับ สิ่งแวดล้อมในปาก
เคลือบฟัน(Enamel)
            ปกติ เป็นส่วนที่มีสีขาว อยู่นอกสุดของฟัน หรือ ส่วนที่เราเห็นเป็นซี่ฟันอยู่ มีความแข็งแรงสูง
เนื้อฟัน(Dentine) 

            เป็นส่วนที่อยู่ถัดจากเคลือบฟัน เข้าไป ลักษณะมีสีเหลืองๆ ประกอบไปด้วยท่อเล็กๆ จำนวนมาก ภายในท่อเหล่านี้จะมีปลายเส้นประสาทอยู่ ดังนั้นเวลาฟันผุ หรือสึก ถึงชั้นนี้ ผู้ป่วย จึงเริ่มมีอาการเสียวฟัน
โพรงประสาทฟัน และ คลองรากฟัน(Pulp) 

            เป็นส่วนที่อยู่ของเส้นประสาท และ เส้นเลือดที่มา หล่อเลี้ยงตัวฟัน ในกรณีที่ฟันผุมาถึงชั้นนี้ จะไม่สามารถอุดฟันได้ ถ้าจะเก็บฟันไว้ จะกระทำโดยการรักษารากฟัน
เหงือก(Gingiva) 

            เป็นเนื้อเยื้อที่ปกคลุม ขากรรไกรใน ส่วนที่มีฟันอยู่
ร่องเหงือก(Gingival crevice) 

            เป็นร่องบริเวณคอฟัน ระหว่างตัวฟันกับ ขอบเหงือก ปกติจะมีขอบบาง และ มีความลึก ประมาณ 2 ม.ม. แต่ถ้ามีโรคเหงือกอักเสบ จะ ทำให้ร่องนี้ลึกขึ้น ทำให้เศษอาหารติด เกิดการอักเสบมากขึ้นได้
เคลือบรากฟัน(Cementum) 

            เป็นชั้นบางๆ คลุมรากฟัน คล้าย เคลือบฟัน แต่มีความแข็งแรงน้อยกว่า

กระดูกขากรรไกร(Jaws) 
เป็นส่วนของกระดูกที่รองรับรากฟัน
            ในสภาพปกติ ฟันของคนเรา จะไม่รับความรู้สึกอะไร แต่ถ้าเคลือบฟัน เคลือบรากฟัน หรือเนื้อฟัน ถูกทำลายจากฟันผุ ฟันสึก หรือฟันแตก ลักษณะดังกล่าว ยิ่งลึกใกล้โพรงประสาท ก็อาจจะทำให้เกิด ความรู้สึก เจ็บ ปวด หรือเสียวฟันขึ้น แต่ถ้าทะลุหรือ โดนเส้นประสามแล้ว ก็จะทำให้เกิด อาการปวดและบวมได้



ที่มา...http://info.muslimthaipost.com/main/index.php?page=sub&category=33&id=20700#

การแปรงฟันที่ถูกวิธี


แปรงฟัน ... อย่างมีประสิทธิภาพ

ประกอบด้วยปัจจัย 5 ข้อ ดังนี้ 
    1.ขนแปรง : แปรงสีฟันที่ใช้ควรมีขนแปรงนุ่ม จะช่วยส่งเสริมให้แปรงฟันได้ โดยไม่ต้องออกแรงมาก สามารถป้องกันการสึกกร่อน และอาการเสียวฟัน ที่อาจเกิดต่อเนื่องได้ การแปรงฟันโดยแปรงสีฟันที่อ่อนนุ่ม จะช่วยให้ขนแปรงเข้าไปตามซอกฟัน ซึ่งเป็นที่สะสม ของเศษอาหาร และคราบจุลินทรีย์ได้ อย่างทั่วถึง ทำให้ทำความสะอาดได้ดีกว่า แต่จะต้องปรับอุปนิสัย และความเชื่อที่ว่าแปรงฟันแแรง ๆ จึงจะสะอาด เปลี่ยนเป็น แปรฟันด้วยขนแปรงนุ่ม จะสะอาดดีกว่า 
    2.บริเวณที่ควรแปรงฟัน : แปรงฟันบริเวณขอบเหงือกเป็นพิเศษ บริเวณขอบเหงือก หรือรอยต่อระหว่างเหงือกและฟัน จะเป็นส่วนที่คราบ จุลินทรีย์ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเหงือกอักเสบ และโรคฟันผุ สะสมได้ดีที่สุด ดังนั้น จึงเป็นบริเวณที่จะต้องได้รับการเอาใจใส่เป็นพิเศษ โดยการทำความสะอาดบริเวณนี้ ของเหงือกอย่างทั่วถึง นอกจากนี้ การแปรงฟันโดยใช้ขนแปรงที่อ่อนนุ่ม กระทบขอบเหงือกเบา ๆ ยังเป็นการกระตุ้นการทำงานของเหงือกด้วย ในรายที่เหงือกอักเสบ การแปรงฟันบริเวณขอบเหงือก อาจมีเลือดออกได้ แต่ถ้าอดทนแปรง ต่อไป ในบริเวณนั้นอย่างต่อเนื่อง อาการเหงือกอักเสบ และเลือดออกขระแปรงฟัน จะลดน้อยลง และหายไปในที่สุด ภายในเวลาไม่นาน 
     3.ด้านของฟันที่ต้องแปรง : แปรงฟันให้ทั่วทุกซี่ฟัน ทั้งด้านนอกและด้านใน ด้านนอกของฟัน ได้แก่ ด้านแก้ม คนส่วนใหญ่สามารถแปรงให้สะอาดได้ดี จะมีจุดอ่อนก็ตรงกระพุ้งแก้มด้านลึกสุด มักแปรงเข้าไปไม่ค่อยถึง ก็ทำให้ไม่สะอาดได้ และ ด้านในของฟัน ได้แก่ ด้านเพดานปาก สำหรับฟันบน หรือด้านลิ้น สำหรับฟันล่าง เป็นส่วนที่แปรงฟันไม่ค่อยถึงที่สุด เพราะว่าทุกด้านของฟัน จะเป็นที่สะสมคราบจุลินทรีย์ได้เหมือนๆ กัน จึงสมควรจะได้รับการทำความสะอาดเท่ากัน ทั้งด้านนอก และด้านในของฟันทุกซี่ในปาก การแปรงฟันที่กี จึงต้องแปรงช้าๆ และทั่วถึง 
    4.เวลาที่ใช้ : แปรงฟันให้นาน ครั้งละประมาณ 2 นาที เพราะดดยปกติแล้ว ความยาวของแปรงสีฟัน จะครอบคลุมฟันได้ครั้งละ 2-3 ซี่ ในขณะที่ฟันน้ำนมมี 20 ซี่ และฟันถาวรมี 32 ซี่ ซึ่งได้รับการแปรงฟันทั้งด้านนอก และด้านในทุกซี่อย่างทั่วถึง จะใช้เวลาประมาณ 2 นาที่ขึ้นไป ดังนั้น การแปรงฟันอย่างรีบร้อน จะแปรงได้ม่ทั่วถึง และไม่สะอาดเพียงพอ 
      5.ยาสีฟัน : แปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ ยาสีฟันที่ดี จะต้องมีส่วนผสมของฟลูออไรด์ ในการป้องกันโรคฟันผุ และการแปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ ควรจะต้องกระทำอย่างสม่ำเสมอทุกวัน เพื่อให้มีประสิทธิภาพ ในการต่อต้านโรคฟันผุ ได้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้การแปรงฟันด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ ในเวลาประมาณ 2 นาที่ดังกล่าว จะเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับ การเกิดปฏิกิริยา ป้องกันฟันผุของฟลุออไรด์ด้วย 


การแปรงฟันที่ถูกวิธ   หมายถึง แปรงฟันทั่วทุกซี่ และทุกด้าน เน้นบริเวณที่เสี่ยงต่อการ เกิดโรคสูง ได้แก่ ฟันกราม และฟันด้านลิ้น ใช้แปรงขนอ่อน แปรงด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ และใช้เวลาอย่างน้อย 2 นาท

อุปกรณ์สำหรับการแปรงฟัน
แปรงสีฟัน   แปรงสีฟันที่ใช้ มีขนาดพอเหมาะกับช่องปาก ความยาวของขนแปรงคลุมตัวฟัน ประมาณ 1 - 1.5 เท่า ของซี่ฟันลักษณะของขนแปรงอ่อนนุ่ม ไม่มีความคม และมีการสปริงตัวของขนแปรงที่ดี จึงจะช่วยทำความสะอาดฟันได้ด

ยาสีฟัน      ยาสีฟันที่ใช้ เป็นยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ เพราะจะช่วยลดสภาวะความเป็นกรด ในช่องปาก และเสริมสร้างความแข็งแรง ให้กับตัวฟัน และปริมาณฟลูออไรด์ในยาสีฟันสำหรับเด็ก จะมีผริมาณฟลูออไรด์น้อยกว่ายาสีฟันสำหรับผู้ใหญ่

วิธีการแปรงฟัน

การแปรงฟันบน 
       โดยวิธี ขยับ-ปัด (Modified Bass Technic) ในทุกบริเวณ ยกเส้นฟันหน้าบนด้านเพดาน และฟันหน้าล่างด้านลิ้น ซึ่งอาจใช้วิธี กด-ดึง-ปัด (Roll Technic) โดยเปลี่ยนให้แนวของด้ามแปรงสีฟัน ขนานกับแนวของซี่ฟันหน้าบนบริเวณนั้น กดปลายขนแปรงส่วนสุดท้าย ให้แนวกับบริเวณคอฟัน แล้วดึงแปรงลงมา โดยให้ขนแปรงสัมผัสกับผิวฟันตลอด สำหรับฟันบน หรือดึงขึ้นบนสำหรับฟันล่าง
     การแปรงฟันกรามบนด้านแก้ม ด้านเพดานปาก และฟันหน้าด้านริมฝีปาก (ใช้วิธีขยับ-ปัด) ให้เอียงแปรงสีฟันเข้าหาเหงือกประมาณ 45 องศาปลายของขนแปรงจะแทรกเข้าไปในร่องเหงือก ได้เล็กน้อยออกแรงถูแปรงไปมาสั้นๆ 3-4 ครั้ง แล้วปัดแปรงสีฟันเข้าหาตัวฟัน ลงไปด้านปลายฟัน ทำเช่นนี้ 5-6 ครั้ง
การแปรงฟันล่าง
    การแปรงฟันกรามล่างด้านแก้ม ด้านลิ้น และฟันหน้าด้านริมฝีปาก (ใช้วิธี ขยับ-ปัด) ให้เอียงแปรงสีฟันเข้าหาเหงือกประมาณ 45 องศา เช่นกัน ปลายของขนแปรงจะแทรกเข้าไป ในร่องเหงือกได้เล็กน้อย ออกแรงถูไปมาสั้นๆ 3-4 ครั้ง แล้วปัดแปรงสีฟันเข้าหาตัวฟัน ขึ้นไปด้านปลายฟัน ทำเช่นนี้ 5-6 ครั้ง
การแปรงฟันด้านบดเคี้ยว 
     การแปรงฟันด้านบดเคี้ยว โดยวางขนแปรงตั้งฉากกับด้านเคี้ยวของฟัน ออกแรงถูไปมา 4-5 ครั้ง แปรงให้ทั่วทางด้านบดเคี้ยว
การแปรงลิ้น
    บริเวณลิ้นอาจพบมีคราบเศษอาหาร หรือมีลักษณะเป็นฝ้าขาวติดอยู่ ซึ่งถ้ามีการหมักหมมอยู่นานๆ อาจทำให้เกิดมีกลิ่นได้ จึงควรทำความสะอาดลิ้นด้วย โดยใช้ขนแปรงสีฟันถูเบาๆ บนด้านลิ้น

ข้อควรจำ 
           ควรแปรงฟันทันทีหลังรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังรับประทานของหวาน
            ควรแปรงฟันให้ทั่วทั้งปาก ฟันบน ฟันล่าง ทุกด้าน และทุกซี่
            แปรงฟันด้านหนึ่งๆ ควรแปรงไม่น้อยกว่า 4-5 ครั้ง และไม่ควรออกแรงมากเกินไป
            ใช้เวลาแปรงฟันประมาณ 2-3 นาที
            การแปรงฟันผิดวิธี เช่น การแปรงตามขวาง หรือขึ้นลงพร้อมกัน ทำให้เหงือกร่น และฟันสึกกร่อนมาก
            ทุกคนควรมีแปรงของตัวเอง ขนาดพอเหมาะกับปาก ขนแปรงไม่แข็งเกินไป